วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

Spirited of 'My Girl: Fan Chan'

นี่ไง เพื่อนเกลอรูปเธอ "แฟนฉัน"



แฟนฉัน - วงชาตรี

' ความอิจฉา ' เป็นสิ่งที่ตัวเรามีอยู่อย่างเหลือเฟือ 

เราอิจฉาเด็ก ที่วันๆไม่ต้องมานั่งคิดเรื่องเรียน เรื่องเงิน เรื่องรัก เรื่องอาหารการกิน ไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง




เราอิจฉาเพื่อนๆที่นอนดึกตื่นสาย ได้อย่างไม่มีใครว่า แต่เราเนี่ยสิ ที่บ้านไม่ใช่ร้านขายของอะไรหรอก แต่ถึงกระนั้น เราก็มักจะถูกปลุกให้ติ่นตอน แปดโมง เสมอ ตั้งแต่เด็กแล้ว ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย



เราอิจฉาคนเรียนเก่ง เราพยายามที่จะตั้งใจเรียน แต่ดูเหมือนผลสอบออกมาทีไร มันเหมือนตอนที่เราไม่ได้ตั้งใจเรียน มันเหมือนเดิม มองไม่เห็นความแตกต่าง



เราอิจฉานก ดูมันโบยบิน แม้จะไม่มีรอยยิ้มบนหน้าของมัน แต่เราก็พอรู้ว่ามันมีความสุขที่ได้มองลงมายังเบื้องหลัง อิสระ คือสิ่งที่มันมีไว้ครอบครอง




เราอิจฉา หลายๆคน ที่มีความสุข เราเองไม่ใช่คนที่ชอบเก็บความทุกข์ แต่เราเป็นคนชอบหวัง หวังอะไร ไม่เคยสมหวังกะใครเขา เลยสักครั้ง หลังๆชักเริ่ม ปลง แต่ความสุขก็มาแวะเวียนมาไม่ถี่เท่าความทุกข์ จะไล่มันไป มันก็ไม่ยอม เอาว่ะ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า เรายังหายใจ



ตอนเราเด็กๆ เรามีความสุขมากกว่านี้ จริงนะ เราจำมันได้ดี แต่ก่อนแถวบ้านเราจะมีรุ่นพี่ๆ อายุห่างกันประมาณสัก สี่ ห้า ปี เราเป็นน้องเล็กของกลุ่มพี่ๆ จึงเอาแต่ใจได้แล้วพี่ๆก็จะคอยดูแล เวลาเล่นอะไรพี่ๆก็มักจะยอมให้เราเป็นฝ่ายชนะ อยู่เสมอ ทุกวันจะมอมแมม เปื้อนคราบสกปรกจากการเล่นของเด็ก แถบชนบทจะรู้ดี ยิ่งสุดซอยบ้านเราจะเป็นทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา กิจกรรมต่างๆจึงมักถูกจัดขึ้นที่นั่น ตั้งแต่การเล่นซ่อนหา เล่นต่อสู้จำลองเหตุการณ์จากในหนังบ้าง ขุดดินหาตัวอะไรแปลกๆ ตอนเย็นๆก็จะมีฝูงวัวเข้าคอก พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าทำเอาท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม ปุยเมฆลอยฟ่อง สายลมเอื่อยๆ กลิ่นต้นไม้ หลายสิ่งเหล่านั้นมันยงคงอยู่ในความทรงจำ



แล้วความสุขเหล่านั้น มันหายไปตั้งแต่ตอนไหน - เราอยากมีน้อง เราเลยคะยั้น คะยอ ให้แม่เอาน้องมาให้ (ตอนนั้นไม่รู้ว่า น้อง เกิดจากอะไร คิดๆว่าคงเหมือนตุ๊กตา ไปซื้อที่ร้าน) แล้วเราก็มีน้อง นั่นแหละจุดเริ่มต้น ความรับผิดชอบ คือสิ่งที่มาพร้อมกับน้องชาย จากเด็กที่ไม่เคยคิดอะไรน้องจากเรื่องของตัวเอง เราต้องเริ่มคิดถึงชีวิตอื่นๆรอบตัว ขนมหนึ่งถุงต้องแบ่งให้น้องกิน ไอติมหนึ่งแท่งถ้ากินไม่พอต้องซื้อมาสอง คนละแท่งเลย กับข้าวถ้าไม่ทานให้น้อยลง ก็ต้องช่วยยายทำให้เพิ่มมากกว่าเดิม 



ช่วงที่ลำบากคือตอนที่น้องยังเล็ก พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ร้องไห้ เราเองก็อยากร้องไห้แต่ทำไม่ได้ ของเล่นก็ไม่ได้เล่นเราต้องช่วยแม่เลี้ยงน้อง นอนก็ไม่ได้นอน เด็กน่ะอยากจะตื่นเมื่อไหร่ก็ตื่น ตีสามตีสี่ ร้องไห้แงๆ ส่วนเราก็ต้องตื่นตามไปด้วย เรียนหนังสือก็เบลอๆ แน่นอน อันดับคะแนนผมร่วงจนน่าวิตก แต่ตอนนี้น้องผมโตแล้ว แต่สิ่งที่มากับน้องเรายังคงอยู่ ความรับผิดชอบ ยิ่งน้องเราโตขึ้น ยิ่งรู้สึกต้องรับผิดชอบในตัวเค้ามากขึ้นไปอีก ทั้งๆที่อีกไม่กี่เดือนเราก็ต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ต่างจังหวัด ในใจก็เป็นห่วงน้องมันนี่แหละ แต่เมื่อปีก่อน น้าและอา ของเราพึ่งมีลูกคนแรก และเวลานี้แกก็มักจะพาลูกมาเที่ยวบ้านเราเป็นประจำบางที น้องของเราคงมีความรู้สึก อารมณ์เดียวกับเราตอนนั้นล่ะ ก็ทำไงได้ล่ะ มันเป็นวัฏจักร วงเวียนของชีวิต ยังไงเสีย วันนึงเราก็ต้องเริ่มรู้จักรับผิดชอบคนรอบข้าง-



หนังเรื่อง 'แฟนฉัน' มาในปีที่น้องเราเกิด โดยปกติแล้วเราจะอ้อนวอน ขอให้พ่อกะแม่พาไปดูหนังท่านก็จะไป แต่นี่ มันไม่ใช่ เราเลยต้องอด แถมการไปเล่นกับพี่ๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องยากขึ้น วันนี้ ผ่านมานานแล้ว ความทรงจำเหล่านั้น เราหยิบ 'แฟนฉัน' มาดูอีกครั้ง แต่หากมันเป็นแค่หนังก็ดีสิ แต่กับผมมันเหมือน 'Time Machine' มากกว่า อดีต เหล่านั้นกลับมาหาเราอีกครั้ง 



แฟนฉัน ทำให้เรามีความกล้าที่จะตามหาความฝัน แม้ว่าวันนี้มันจะไปไม่ถึงจุดหมาย แต่เรายังพอมีโอกาส ปีหน้ายังมี คงไม่สานเกินไป




กลุ่มพี่ๆเหล่านั้น วันนี้จบมหาลัยกันหมดแล้ว ทำงานบ้างเป็นหมอ บ้างค้าขาย บ้างทำงานธนาคาร บ้างมีลูก ตามที่เวลาขีดเขียนอนาคต ส่วนเราก็รอแอดมิชชั่น ตอนนี้เครียดมากเลย แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ก็จะยอมรับมันให้ได้

เพื่อนๆเรา ที่ได้พบเจอ ที่ได้เรียนด้วยกัน ได้เล่นด้วยกัน วันนี้เราต่างก็เลือกทางเดินของตัวเอง บางคนไปได้ดี บางคนยังคลำหาทาง ต่างคนต่างเลือกทางที่ดีให้กับตัวเอง ความรู้สึกดีๆในวันนั้น ไม่นานจะกลายเป็นอดีต ให้เราได้รำลึก 



เราอิจฉา อิจฉาตัวเองในอดีต อิจฉาวันที่ยิ้มและหัวเราะ ได้อย่างมีความสุข ร้องไห้ได้อย่างไม่เกรงใจใคร แต่ในวันนี้จะยิ้ม จะหัวเราะทีเรื่องเล็กๆอย่างในวันวานกลายเป็นเรื่องแสนธรรมดา ไม่กระตุ้นต่อมฮาได้เลย แต่ต่อมน้ำตากลับทำงานได้เร็วกว่า แต่การร้องไห้ออกมาก็เป็นเรื่องยากพอๆกับการยิ้ม ตอนเด็กไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็นยังไงแค่รู้ว่าตัวเองยิ้มก็พอแล้ว แต่ตอนนี้ถ้าเรายิ้มคนรอบข้างไม่ยิ้มด้วยความสุขมันก็ไม่เกิดขึ้น เราแค่สงสัยว่า "ถ้าโตขึ้นกว่านี้ ความสุข มันจะลดลงน้อยมากแค่ไหน เราจะยังมีความสุขอยู่ไหม" 


แฟนฉัน แด่ความทรงจำใต้ลิ้นชัก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น