วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Lincoln : ที่แห่งนี้คือ อเมริกา




"ผมว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว ถึงแม้ว่าผมอยากจะอยู่ต่อก็เถอะ" 

ไม่รู้ว่าในหมู่คนดูหนังทั่วไปแล้ว จะรู้สึกชื่นชอบในผลงานชิ้วโบว์แดงเรื่องนี้ของผู้กำกับระดับบรมครู ผู้เป็นอีกหนึ่งเจ้าของคำนิยามว่า ตำนานที่ยังมีลมหายใจ Steven Spielberg มากน้อยเพียงไหน 
ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง ถึงความชื่นชอบ ชื่นชมที่ผมมีต่อตัวผู้กำกับ Steven Spielberg ตั้งแต่วัยเด็กผู้ที่เติมเต็มสรรค์สร้างจินตนาการให้ผมหลงรักการเสพหนังก็คือเขาคนนี้ และผมยังบังเอิญเป็นคนที่เมื่อหลงรักสิ่งใดเข้าให้แล้ว ต่อให้ผลงาน หรือสิ่งต่อมา มันจะแย่ หรือไม่ดียังไง ผมก็ยังคงรักและพร้อมจะอวยในทุกครั้งที่มีโอกาสกล่าวถึง 


ปีก่อนเราได้ดู Abraham Lincoln: Vampire Hunter ก่อนที่ต้นปีเราจะได้ดู Lincoln ที่ว่าด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์จริงๆ การเปรียบเทียบระหว่างหนังทั้งสองคงเป็นไปยากเมื่อฝ่ายหนึ่งทำเพื่อตอบสนองความมันส์ แต่อีกฝ่ายตอบสนองความอิ่มเอมใจ และสำหรับผมหนังทั้งสองต่างบรรลุเป้าหมายของตัวเองทั้งคู่ 

ผมแอบเชียร์ให้ Lincoln ได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆให้มากที่สุด เนื่องจากเมื่อปีก่อน หนังเต็งอย่าง Warhorse ชวดทุกรางวัลที่ได้เข้าชิง มันน่าเจ็บใจไม่น้อย เมื่อไม่นานมานี้ผมได้อ่านหนังสือประวัติของ Steven Spielberg ถึงการต่อสู้กับชีวิตกว่าจะได้มาทำหนัง มันน่าสนใจที่เมื่อตอนเริ่มต้นทุกคนต่างไม่พอใจในตัวเขา เท่านั้นยังไม่พอมีการตั้งแง่ในทุกๆผลงาน กว่าจะได้รับรางวัลออสการ์ในปี 1993 จาก Schindler's List นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด 

การมาของ Lincoln เรียกร้องความสนใจได้เป็นอย่างดี จากตัวอย่างที่ปล่อยออกมาเรียกน้ำตาผมได้ในทันที มันเป็นความรู้สึกในแบบที่ ตื้นตันใจ เมื่อได้เห็นผลงานของผู้กำกับที่เรารัก และยังถูกวางตัวเป็นเต็งหนึ่ง ถึงแม้ว่าผลสรุปหนังได้รับรางวัลไม่มากนักแต่ในฐานะคนดูที่เป็นแฟนหนังของ Steven Spielberg แล้วต้องบอกว่า Lincoln เป็นอีกหนึ่งหนังที่ต้องใช้คำว่า "Masterpiece" 


มันเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย พร้อมด้วยข้อมูลมหาศาลที่ทำให้เราต้องจดจ่ออยู่กับคำพูดของตัวละคร หนังขับเคลื่อนด้วยพลังดาราล้วนๆ นักแสงดงทุกคนล้วนแล้วแต่สร้างบุคลิกตัวละครออกมาได้อย่างมีมิติแม้ว่าเวลาบนจอของบางคนจะน้อยมากๆก็ตามจนบางทีแอบรูสึกว่าไม่คุ้มค่าที่เห็นชัดคือ Joseph Gordon-Levitt ที่บทบาทมีน้อยมากๆและบางทีเหมือนถูกทิ้งให้หายไป ในส่วนของ Daniel Day-Lewis สมคุณค่ากับรางวัลที่ได้รับ ที่ได้ใจผมคือ Tommy Lee Jones ทุกฉากที่ชายผู้นี้ปรากฏคือความสนุกที่เจ็บๆแสบๆคันๆ แต่ที่น่าสนใจคือการเล่นภาพของผู้กำกับ ที่มันไม่ใช่แค่ใส่ลายเซ็นแต่เหมือนทุกครั้ง Spielberg จะทำให้มันมีอะไรอยู่ในนั้นเสมอ สัญลักษณ์ ที่ผู้กำกับใส่ไว้ มันน่าสนุกที่ได้ค้นหาว่าต้องการส่งสาส์นใดมาให้คนดู เสียงดนตรีประกอบเพราะๆจาก John Williams ที่ครั้งนี้มาไหนอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่เหมือนกับที่ผมคุ้นเคยคือใช้น้อยแต่ให้ผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่า ไม่ดูเอิกเกริกแต่ให้ความรู้สึกที่อิ่มใจ ในแบบที่ว่าดูหนังจบแล้วขอหลับตาฟังเพลงหลังเครดิตต่อ 


ผมขอตั้งข้อสังเกตกับ Warhorse เพราะมันชัดเจนที่สุด คือในขณะที่ Warhorse จงใจบีบคั้นน้ำตาคนดู และกระชากอารมณ์คนดู มีการเล่นกับฉากแอ็คชั่นเพื่อเอาใจคนดู แต่ใน Lincoln นั้น หนังกับนิ่งสยบคนดู ไม่มีช่วงใดที่เรารู้สึกว่ามันพีคที่สุด แต่บทลงท้ายเรากลับรู้สึกอิ่มกว่า ประทับใจกว่า 

สำหรับคนอื่น Argo อาจคือความยอดเยี่ยมแห่งปี 2012 ก็จริง แต่สำหรับผมขอพ่วง Lincoln เข้าไปด้วยอีกหนึ่งเรื่อง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น