วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

I was 'Lost' : Norwegian Wood (2010)

มีความแตกต่างระหว่างบรรทัดในหนังสือกับภาพบนแผ่นฟิล์ม และไม่ยากเลยที่จะบอกว่าชอบตัวนิยายมากกว่า ราวๆ ร้อยเท่าตัว


ผมเป็นแฟนหนังสือของเฮีย ฮารูกิ มูราคามิ แบบว่าหลงใหล ชอบ หลื้มที่สุดเป็นนักเขียนที่ชอบที่สุดแล้ว ถ้าไม่นับนิ้วกลม กับ พี่คุ่น ปราบดา หยุ่น และถ้าจะให้แนะนำว่าใครควรดูหนังเรื่องนี้(หรือแม้กระทั่งเริ่มต้นอ่านนิยายของมูราคามิ)แล้วล่ะก็ คนนั้นควรจะมีรสนิยมเดียวกับที่ชอบหนังของ หว่อง คาไหว



ความแตกต่างที่ชัดเจนของนิยายและภาพยนตร์ ตั้งแต่ตอนที่ผมรู้ว่าจะมีการสร้างหนังเรื่องนี้(ซึ่งแน่นอนเฮียมู ไม่ยอมให้ลิขสิทธิ์ ซึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วย)เพราะตัวนิยายมันยากต่อการถ่ายทอดโดยใช้กลวิธีอื่นที่ไม่ใช่ตัวอักษร ตัวนิยายเองก็ใช่ว่าจะมีจุดไหนพีค มันเดินเรื่องในแบบ เบลอๆ คล้ายมีหมอกบางๆมาเคลือบภาพในความคิดของเราไว้ขณะที่อ่าน ไปจนถึงบทสนทนาที่ดูเฉพาะ แน่นอนฉากเซ็กซ์โจ่งครึ่ม แต่พอขึ้นจอภาพยนตร์แล้ว สิ่งเหล่านั้นมันถูกริบทอนไปจนสั้นเตียน ไปจนถึงไม่ถูกกล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ นิยายว่าไม่ชัดเจนแล้ว ตัวหนังยิ่งไม่ชัดเจนเข้าไปใหญ่ ใครที่ไม่ได้อ่านนิยายมาก่อน คือ ไม่มีทางจะเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่ๆ ขนาดผมที่ว่าเป็นแฟนหนังสือยังจับอารมณ์ไม่ได้เลย



แต่ถ้าถามว่า หนังมันแย่มากหรือ ผมตอบเลยว่าไม่แย่ ถึงระดับที่ว่าสารมารถพาหนังไปแวะเที่ยวตามเวทีล่ารางวัลได้สบายๆเลย นั่นเป็นผลมาจาก ต้นฉบับ ที่ดีอยู่ก่อนแล้ว รวมทั้งความสามารถของผู้กำกับ นักแสดง ที่ได้ขยับขยายมันออกไป ผมชอบการใส่สัญลักษณ์ทางภาษาหนังเข้ามา ของ Tran Anh Hung ผู้กำกับ มันดูกลืนไปกับหนัง ไม่ดูโดดจนเรารู้สึกว่ายัดเยียด อย่างฝนตกในคืนวันเกิดของนาโอโกะ ก็แสดงให้เห็นถึงความเสียใจและสับสนของเธอที่สูญเสียแฟนที่รักไป โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะเหตุใด และยังตองมารู้สึกหลงรักเพื่อนสนิทอีก บ้านที่ดูเปลี่ยวเหงามิโดริ ฉากที่วาตานาเบะได้รับจดหมายแล้ววิ่งขึ้นบันไดกล้องก็จับภาพแล้วหมุนวนเป็นวงกลมคล้ายกับต้องการจะบอกว่าชะตาชีวิตของตัวละครนี้ไม่มีทางหลุดออกไปได้แน่ๆ มีฉากที่กล้องจับไปยังอาคาร บ้านเรือนที่เป็นประตู หน้าต่าง ที่ถูกปิดเอาไว้ก็ล้วนแล้วแต่ตอกย้ำสถานะของตัวละครได้เป็นอย่างดี ช่วงท้ายของหนังคลื่นทะเลที่ซัดเข้าฝั่งก็ไม่ใช่ความบังเอิญของผู้สร้างแน่ๆ หากคือการสื่อสารในอีกระดับหนึ่ง



อีกส่วนที่โดดเด่นคือนักแสดง Ken'ichi Matsuyama คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากบทบาทนักสืบบุคลิกแปลกสุดขีดใน Death Note กับบทบาท L เขาถ่ายทอดบทบาทของ Toru Watanabe ได้ดีมากเลยนะ ตามความคิดผม จริงๆนักแสดงนำทั้งสามคน Rinko Kikuchi และ Kiko Mizuhara ก็ดีมากเท่าๆกัน เสียดายก็แต่ Kiko ที่ดูบทบาทจะหายไปค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับตัวนิยาย ส่วน Rinko ไม่พูดถึง เพราะนางข้ามมาเล่นหนังฮอลลีวู้ดเต็มตัวแล้ว



ทางด้านของ Score นั้น ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ก็พอรู้สึกว่าไม่ได้รู้สึกดีหรือแย่ พูดง่ายๆคือไปกันได้ระดับพอเหมาะ พอควรกับตัวหนัง ในที่สุดแล้ว คนที่จะชอบหนังเรื่องนี้ย่อมต้องหลงใหลในตัวนิยายมาก่อน ผมว่าคนที่กระโจนมาดูหนังก่อนเลย อาจรู้สึกสับสนในการกระทำบางอย่างที่ดูไม่ค่อย make sense เท่าไหร่ และแน่นอน ผมชอบนิยาย จึงไม่แปลกที่ผมจะรู้สึกสนุกไปกับสิ่งที่เห็นบนจอ แม้ว่ามันจะห่างขั้นจากตัวนิยายมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมหนังเรื่องนี้อยู่ในใจ


"ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" ถ้ามีใครถามประโยคนี้กับคุณ คุณตอบเขาได้ไหม ว่าอยู่ที่ไหน คุณรู้ตัวรึเปล่า ว่าคุณกำลังทำอะไร อยู่ในดินแดนแห่งไหน คุณพร้อมจะอยู่กับเขาคนนั้นรึยัง #จะบอกว่านิยายตีพิมพ์ใหม่แล้วนะ ของสำนักพิมพ์กำมะหยี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น