วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

All Is Lost ; เรือเล็กควรออกจากฝั่ง

เรือเล็กควรออกจากฝั่ง 


"เสียงลมคำราม ฟ้าครามพลันมืดมัว หัวใจสั่นระรัว ฉันกลัวอะไร ทะเลเอาจริง หรือเพียงจะวัดใจใคร เหมือนคำขู่ท้าทาย ให้ยอมจำนน" 

ในชีวิตนี้ดูหนังแปลกๆมาพอสมควร แต่หนังเรื่องนี้มันแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ แม้มันจะเป็นหนังแนว Survival ตามรอยรุ่นพี่ อาทิ Cast Away, Into the Wild, 127 Hours, Life of Pi เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้น All is Lost กลับ ดูสมจริง ที่สุด เพราะอย่างน้อยๆคุณต้องใช้ชีวิตอยู่กับตัวละครตลอดทั้งเรื่อง จริงๆ หนังเรื่องนี้มีนักแสดงคนเดียว ย้ำเพียงคนเดียว 


"พายุ ถั่งโถม อยู่ในใจ จะออกไปแตะขอบฟ้า แต่เหมือนว่าโชคชะตาไม่เข้าใจ มองไปไม่มีหนทาง ชีวิตฉันต้องล่มลงใช่ไหม" 

หนังเริ่มต้นจากอุบัติเหตุเล็กๆที่ทำให้เรือของชายชรานิรนามวัยเกษียณไปชนเข้ากับตู้คอนเทนเนอร์กลางทะเล นับจากวินาทีนั้นต่อไปนี้คือบททดสอบเอาชีวิตรอด 


"หัวใจคำราม ฟ้าครามไม่สร้างใคร ทะเลจะสร้างคน ด้วยอันตราย พายุ ถั่งโถม สักเพียงไหน จะไม่ยอมแพ้คำขู่ เรียนรู้ และสู้ไป" 

สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ ตัวละครมีความเป็นคนจริงๆสูงมาก สามารถสะมผัสได้และยิ่งไปกว่านั้นเราไม่ทราบข้อมูลใดๆของตัวละครตัวนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเรียงนาม จุดหมายปลายทาง วัตถุประสงค์ในการเดินทาง อะไรก็ตาม และหนังก็ไม่ได้พยายามทำให้เราอยากรู้เรื่องนั้น สิ่งเดียวคือ ชายผู้นี้จะเอาตัวรอดได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าผู้กำกับจะมีอารมณ์ขัน(ร้าย)ตั้งแต่กรให้ความหวังก่อนจะทิ้งให้หมดอาลัย ตายอยากไปกับความหวังที่พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา ไปจนถึงวินาทีสุดท้าย ตลอดทั้งเรื่องหนัง่อยๆทวีความหนักอึ้ง เข้ามาทีละนิดทีละนิด จนถึงฉากสุดท้าย 


"จะออกไปแตะขอบฟ้า สุดท้ายแม้โชคชะตาไม่เข้าใจ (ภายในใจยังคงเรียกร้อง) มองไปไม่มีหนทาง แต่รู้ว่าฉันต้องไปต่อไป" 

สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้และมันทำให้หนังเรื่องนี้ไปได้ไกลคือ Soundtrack ประกอบที่ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับหนังขึ้นไปอีกเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นเสียงฟ้าคำราม คลื่นซัดกระหน่ำ หรือ Score ที่มาเป็นพักๆ แต่มาได้ถูกที่ถูกจังหวะมาก 


"ตรงเส้นขอบฟ้าสีคราม ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่ (ให้อุปสรรคเปลี่ยนผันเป็นพลัง) คำตอบอยู่กลางคลื่นลม ชีวิตแม้ต้องล่มลงตรงไหน แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะไป" 

ไม่แปลกที่ใครจะเรียกหนังเรื่องนี้ว่า "หนังทดลอง" เพราะผมก็รู้สึกแบบนั้นนะ มันเป็นการทดลองซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีมากทีเดียว พิจารณาว่านี่เป็นหนังเรื่องที่สองของผู้กำกับ J.C. Chandor เครดิตก่อนหน้าคือ "Margin Call" โดยนักแสดงนำของ All is Lost คือ Robert Redford ซึ่งก็น่าสงสัยนะว่าทำไมถึงไม่ติดโผนำชายออสการ์ ? 


"จะออกไปแตะขอบฟ้า สุดท้ายแม้โชคชะตาไม่เข้าใจ(ภายในใจยังคงเรียกร้อง) มองไปไม่มีหนทาง แต่รู้ว่าฉันต้องไปต่อไป" 

อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนต้นว่าผมก็ดูหนังมาพอสมควร พอจะรู้ว่าหนังเรื่องไหนดี ไม่ดียังไง หนังบางเรื่องดูจบแล้วแทบอยากจะไปเผาบ้านทีมงานหนังเรื่องนั้นทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลับหนังเรื่องนี้คือ ผมอยากปรบมือชื่นชมผู้กำกับมาก กับตอนจบของหนัง คุณอาจสูญเสียทุกอย่าง (All is Lost) แต่สิ่งหนึ่งคือคุณอย่าเสียศูนย์ อย่าทอดทิ้งความหวัง 


"ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่ ชีวิตมันยังยืนยันที่จะ ที่จะ ไป" 

#ขอขอบคุณเนื้อเพลงจากศิลปิน Bodyslam

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น