วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Three Extremes : ผู้เคราะห์ร้าย


วัยเด็กผมเคยดูอารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต ในปี 2002 แล้วผมว่ามันคือความน่าเบื่อขนานแท้ ผมเองก็บ้าอยากลองของใช่ย่อย ลองคิดดูเถิดเด็กประถมริอยากดูหนังสยองขวัญ แค่นั้นยังไม่พอมันดันเป็นหนังสยองขวัญที่ดูยากจนแทบต้องปีนกระไดดู อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต จึงถือเป็นยาขมเรื่องแรกๆที่ผมลิ้มรส 

อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต 2 เข้าฉายในอีก 2 ปีถัดมา ผมไม่คิดที่จะหยิบเรื่องนี้หรืออ้อนวอนให้พ่อและแม่หามาดูเลย เพราะกลัวว่าความงงงวยจะเข้าครอบงำ มาวันนี้ผมอยู่ ม.ปลาย เตรียมย่างเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จากการดูหนังอย่างโชกโชนราวคนบ้าคลั่ง อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต 2 จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่แสนจะท้าทาย ประสบการณ์การดูหนังแปลกๆ ของผม และเมื่อดูจบพบก็พบว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะอธิบายหนังเรื่องนี้ออกมาไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือตัวอักษร ให้คนที่ดูแล้วมาเล่าให้ฟังแต่ละคนก็คงเล่าแตกต่างกันออกไป แม้หนังที่ดูจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม 



โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบดูหนังที่เป็นเรื่องราวสั้นๆ นำมาร้อยเรียงกัน ยิ่งเป็นหนังที่มีคอนเซปส์ยึดไว้แล้วให้ผู้กำกับต่างคนต่างตองคิดหาแง่มุมที่นำเสนอเองแล้วยิ่งชอบดูไปใหญ่ เพราะผู้กำกับ ทีมงาน ต่างก็ต้องสำแดงของดีกันออกมาทั้งนั้นเช่นกันกับ อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต 2 เป็นหนังสั้นๆสามเรื่องจากผู้กำกับสามชาติ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี (งานนี้ขาดพี่ไทย)ที่รวมตัวกันเพื่อโปรเจคสุดหินนี้ และจากชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ Three Extremes ก็คาดหวังไว้ได้เลยว่าจัดหนักทั้งในเรื่องคอนเซปส์ นักแสดง ที่สำคัญคือศิลปะบนแผ่นฟิล์มที่ผู้กำกับแต่ละท่านไม่ยอมน้อยหน้าควักท่าไม้ตาย ไม้เด็ดออกมาง้าง ท้าตีกันอย่างจัดเต็ม 

ในตอนแรกกับตอน BOX ได้ถูกเลือกให้เป็นการเปิดเรื่อง และหนังทำหน้าที่ในการอินโทรคนดูได้เป็นอย่างดี และดูเหมือนจะเป็นตอนที่มีรายละเอียด มีเรื่องราว ยุบยั่บให้คนดูตามเก็บมากมาย การวางปมปริศนามีให้เห็นทั่วทั้งเรื่อง ความจิตของตัวนางเอกที่ดูแล้วน่าขนลุกขนพองมากกว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกล่องเสียอีก อารมณ์หนังดูหม่นๆสร้างความหวาดหวั่นไปพร้อมกับความเย็นยะเยือกอย่างได้ผลดี เทคนิคการตัดต่อทำออกมาได้อย่างสอดคล้องกับความจิต หนังยังมีการสร้างจุดหักมุมให้คนดูเซอร์ไพร์สเป็นของขวัญกับตอนจบที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ตกลงแล้วเป็นเพียงความฝันหรืออย่างไร ? 

ตอนที่สองกับ Dumplings เป็นเรื่องราวของดาราสาว(ที่เริ่มจะไม่สาว)ซึ่งสามีแอบนอกใจ เธอจึงพยายามทำให้ชายคนรักกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง โดยไปขอความช่วยเหลอจากสาวนางหนึ่งซึ่งมีสูตรลับคือ อาหาร แต่เป็นอาหารที่ทำจากเนื้อเด็กทารกอันมาจากการทำแท้ง หนังเล่าเรื่องออกมาแบบทีเล่นทีจริง ให้อารมณ์แบบตลกร้ายระหว่างความน่าสะอิดสะเอียนและสมเพชไปกับชะตากรรมของตัวละคร ดูจบแล้วอาจไม่อยากกินฮะเก๋ากันอีกต่อไป หากจะว่าไปแล้วตอนที่สองนี้ดูเหมือนจะเป็นตอนที่มีความสนุกและเอนเตอร์เทนคนดูมากที่สุด ตอนจบของหนังก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ติดค้างอยู่ในอารมณ์คนดู 

ตอนสุดท้ายซึ่งผมดูแล้วถึงกับสะอึกนิดนึง เนื่องจากความคล้าย ผมต้องบอกก่อนว่าผมชอบหนังเรื่องห้าแพร่งมาก(ผมสารภาพว่าเป็นแฟนหนังค่าย GTH) และความคล้ายที่ว่าคือมันคล้ายกับเรื่อง คนกอง ของผู้กำกับโต้ง ในแง่นึง จนแอบหวั่นว่า เฮ้ย มันจะเหมือนกันทั้งหมดหรือเปล่าแต่ก็ต้องโล่งใจที่ความคล้ายกันนั้น เป็นแค่ในเรื่องของการอยู่ในกองถ่ายหนังเท่านั้น CUT เล่าเรื่องราวของผู้กำกับหนุ่มและแฟนสาวที่ต้องเอาชีวิตให้รอดจากหนุ่มโรคจิตร่างอุบาทว์ พวกเค้าทั้งคู่ต้องร่วมเล่นเกมที่แสนหฤหรรษ์ประสาท หนังมาพร้อมอารมณ์กวนๆ ความฮาอย่างร้ายกาจ การตัดต่อ มุมกล้องดูโฉบเฉี่ยว หนังค่อยๆทวีความต่นเต้นตามระดับก่อนจะลงท้ายด้วยความสลดใจ 



หนังทั้งสามมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือหนังมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ ผู้เคราะห์ร้าย ผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรมจากสิ่งที่ตนไม่ได้ก่อ และที่สำคัญคือผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่คือผู้หญิง หนังไม่ได้สร้างความน่ากลัวจนต้องร้องกรี้ด ปิดตาหยี แต่หนังกลับมีชั้นเชิงในการเล่าถึงปัญหาสังคมที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุค กี่สมัยก็ยังคงมีให้เห็นและผุ้หญิง เด็ก ผู้ที่อ่อนแอ ต่างคือเหยื่ออันโอชะที่ถูกเล่นงาน 

หากใครที่หาหนังผีที่ต้องลุ้นระทึก โก่งตัวดู ใจเต้นระส่ำระส่าย บอกผ่านหนังเรื่องนี้ไปได้อย่างไม่ต้องเสียดาย หากใครกำลังหาหนังสักเรื่อง(สามเรื่อง)ที่เต็มไปด้วยแง่มุมให้ขบคิด ความคลุมเคลือให้หาคำตอบเอาเอง มีชั้นเชิงมีความเป็นศิลปะมากกว่าเป็นหนังสยองขวัญเบาปัญญาไม่ประเทืองอารมณ์ Three Extremes คือหนังคุณภาพเรื่องนั้นที่คุณมองหา




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น