แด่เราเอง ผู้ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้
ผมเชื่อว่าเราทุกคนต่างก็มีความเครียด ไม่เว้นในทุกวัน
บางวัยเครียดน้อยหน่อยก็พอยิ้มไหว
แต่ในบางวันน้ำตามันเอ่อขึ้นมามองไปทางไหนก็พร่ามัวไปหมด
วันนั้นคงดีหากจะมีใครสักคนเอื้อมมือมาแตะเบาๆ โอบกอดเราไว้ในอ้อมแขนที่แสนอบอุ่น
แต่ไม่ต้องเสียใจหากคุณเป็นอีกคนที่อยู่เพียงตัวลำพัง ผมเองก็เป็นอย่างหลัง
ผมเคยทำแบบทดสอบบุคลิกภาพจากหนังสือเล่มเล็กๆเล่มหนึ่ง
ขอโทษที่ผมจำชื่อหนังสือนั่นไม่ได้
ที่ผมจะบอกก็คือผมถูกจัดเข้าไปในหมวดหมู่คนโรแมนติก เบอร์สี่
ซึ่งผมพบว่ามันตรงกับตัวผมมากถึง 98 เปอร์เซ็นเลยล่ะ อย่างเช่นเรื่องยุ่งยากลำบากใจของคนประเภทนี้คือ
อยู่กับปัจจุบันไม่ค่อยได้ มักหลุดไปอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
รู้สึกเหมือนคนไร้ชื่อเสียง(ถึงแม้ว่าเวลาที่อยากอยู่คนเดียว
ฉันจะชอบเก็บตัวเป็นคนนิรนามก็ตาม) รู้สึกซึมเศร้า
ถึงจะรู้สึกว่าความโศกเศร้านิดๆหน่อยไม่ใช้สิ่งเลวร้าย มีคนมองว่าชอบใช้อารมณ์เยอะเกินไปกับเรื่องต่างๆในชีวิต
เป็นต้น ตรงกับใครบ้างล่ะที่นี่
ที่ผมจะบอกจริงๆก็คือ
หากวันใดคุณล้มไปมองไปทางไหนก็ไม่มีมือใดๆให้เอื้อมไว้ หนังสือที่มีชื่อเก๋ๆว่า
“เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” จะเป็นเพื่อนแสนดีที่คอยอยู่ข้างๆปลอบโยนคุณอย่างแผ่วเบา
และผมขอแนะนำเพื่อนอีกเล่มหนึ่งเขามาทีหลังเล่มแรก เขามีชื่อว่า
“พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่”เล่มนี้แนวคิด
บทความอาจจะโตไปหน่อยสำหรับวัยรุ่น(ผมเองก็ยังไม่ถึงวัยนั้น
เลยออกจะเกินตัวไปหน่อยสำหรับเล่มหลังนี้)สองเล่มนี้ผมได้มานานแล้วครับราวๆสองสามเดือนก่อน
แต่พึ่งนึกได้ว่าจะลงรีวิวแนะนำ เพราะทั้งสองเล่มนี้มันโดนมากครับ โดยเฉพาะเล่มแรกที่ผมว่ามันช่วยชีวิตผมได้ดีจริงๆ
บทความที่ผมมักอ่านเวลาท้อ(ในเวลานี้)คือเด็กซิ่ว
ไม่มีใครเข้าใจผมได้ดีเท่านี้แล้วล่ะ
ต้องขอบคุณผู้เขียน คุณคิม รันโด ที่ทำให้ทุกอย่างบนโลกนี้มีสีสันขึ้น
เวลาใดที่ผมเครียดๆ ท้อแท้
หมดหวัง ไร้กำลังใจ ไม่ว่าจะโทรหาพ่อแม่
เพื่อนคนไหนก็ไม่มีใครเข้าใจหรือปลอบโยนได้จริงๆ
ผมมักจะอยู่กับหนังสือให้กำลังใจสักเล่ม เพลงเพราะๆสักเพลง หนังดีๆสักเรื่อง
เพราะในบางครั้งกำลังใจของเรา เราก็ต้องสร้างมันด้วยตัวเอง
ลองให้หนังสือดีๆสองเล่มนี้เป็นตัวช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นในวันฟ้าหม่นดูครับ
บางทีรอยยิ้มบางๆอาจปรากฏขึ้นบนแก้มแดงๆของคุณก็เป็นได้
โชคดีวันฝนตกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น