วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รีวิว Big Hero 6

"Hello. I am Baymax, your personal healthcare companion."



กล่าวโดยย่อๆ นี่คืออะนิเมชั่นจากฝั่ง Disney ที่ชอบที่สุดนับจาก Tangled ในปี 2010 หนังดัดแปลงหลวมๆมากจากการ์ตูนของ Marvel ฉะนั้น หนังเรื่องนี้จึงมีกลิ่นอายของ Marvel อยู่ค่อนข้างมากโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลัง


แม้หนังจะไม่ได้เล่นท่ายากอะไร แต่การออกแบบตัวละครไปถึงออกแบบสถานการณ์ที่ตัวละครต้องพบเจอหลายๆฉากนั้นออกมาดูดีเกินคาด งานด้านภาพที่พัฒนาไปไกล แต่ที่เทใจให้อะนิเมชั่นเรื่องนี้คือ ความลงตัวระหว่าง การเล่นแอ็คชั่นเข้ากับงานดราม่าที่เข้ากันมากๆ รวมไปถึง สภาวะสีเทา ซึ่งช่วงหลัง Disney เล่นมุกนี้จนเกร่อแล้ว แต่กับ Big Hero 6 ถือว่ามาถูกจังหวะเวลา หลายฉากทำเอาน้ำตาซึมได้เลยทีเดียว


Big Hero 6 ถือเป็นอะนิเมชั่นอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ ที่ยัดคุณสมบัติของหนังดีเข้าไว้เกือบหมด เป็นหนังที่ไม่มีพิษภัย ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูดี เหมาะกับช่วงเวลาปลายปีแบบนี้ สำหรับผู้ที่แสวงหาความสุขบนจอภาพยนตร์


วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เพื่อนเฮี้ยน โรงเรียนหลอน Ep.1-ุ6

ขอพื้นที่เล็กๆคอมเม้นต์ ค่ายหนังที่รักมากอย่าง GTH  กับซีรี่ย์ชุด เพื่อนเฮี้ยน โรงเรียนหลอน  ที่ ณ เวลานี้ปล่อยมาให้ ชื่มชม(ก่นด่า) แล้ว 6 Episodes แล้ว




1.        วนิดา
B-
เป็นการเปิดตัวซีรี่ย์ที่ดีในระดับนึง บรรยากาศความหลอนมาเต็ม ฉากหลอกผีถือว่า ผ่าน จังหวะลงตัว นักแสดงทำให้เราอินได้ในระดับนึง แต่ทำไมรู้สึกว่า เวลาดู มันไม่ค่อย สมูธ มันมีบางอย่างติดๆขัดๆ บางฉากก็ดูขาดๆเกินๆ (ส่วนใหญ่ออกมาเกิน) และที่ชอบคือ จุดหักมุมของหนังไปจนถึงตอนจบ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ วนิดา




2.ตาย-ตาม
C
การกำกับครั้งแรกของพี่เต๋อ ฉันทวิชช์ ส่วนตัวค่อนข้างคาดหวังกับตอนนี้พอสมควร แต่เมื่อดูจนจบแล้ว รู้สึกว่า หนังไม่ได้มีอะไรมากเลย จุดหักมุมก็ไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพร์ส หรือทำให้เราสะอึกได้  ตัวละครบางตัวก็ดูน่ารำคาญเกินกว่าจะเอาใจช่วย เช่นกันกับตอนแรกคือ บางอย่างดูขาดๆเกินๆ แต่ที่ชอบคงเป็นในเรื่อง ของ ความพยายามจะเท่ห์ ของพี่เต๋อ ซึ่งถือเป็นความทะเยอทะยาน ที่น่าชื่นชม หากวันนึงพี่เต๋อ เลือกจะเดินบนเส้นทางเบื้องหลังแล้วก็เป็นเรื่องที่น่ารอติดตาม



3.แช่ง
D-
ดูเป็นตอนที่มีอะไรให้เล่นมากมาย แต่แล้วหนังกลับไปไม่ถึง มิหนำซ้ำหนังแสดงทั้งหมด ย้ำว่านักแสดงทั้งหมดของตอนนี้กลับมีสถานะไม่ต่างจากการดู หุ่นตุ๊กตาปั้นสองมิติ เดินผ่านหน้ากล้อง เว้นแต่เบลล์ เขมิศรา พอเอาตัวรอดได้ การลำดับเรื่องถือว่าผิดพลาดหมด อารมณ์หนังนิ่งยิ่งกว่าน้ำเน่าในคลอง หนักกว่านั้น ผีที่มาจากโทรศัพท์ นี่มันไม่น่ากลัวเลยสักนิด แอบสงสัยว่า ตอนนี้ปล่อยให้หลุดมาได้ยังไง หายนะที่หนักกว่าคือ การฉีกหักมุม ในตอนท้าย แทยี่จะเป็นสิ่งที่ดี กลับกลายเป็นการดิ่งลงเหวลึก จนไม่อาจให้อภัย ได้



4.สายไม่ได้รับ(เชิญ)   
A
สองตอนก่อนหน้าทำเอาหมดศรัทธากับ GTH ไปพักใหญ่ ยิ่งเห็นตัวอย่างของ สายไม่ได้รับ(เชิญ) ยิ่งกุมขมับ ก่อนจะพบว่า เป็นความเข้าใจผิด ตัวหนังจริงๆ ดีมากๆ แม้จะไม่มีฉากหลอกผีออกมาเลยสักฉากเดียว แต่ทุกอย่างมันครบมาก ทั้งจังหวะ ลีลาการหลอกล่อคนดู ปริศนาในเรื่อง เงื่อนงำต่างๆ ดูสอดคล้องกับทิศทางที่หนังส่งมา นักแสดงหน้าใหม่อย่าง แบงค์ ธิติ แสดงดีมาก จนอยากมอบรางวัลให้ไปนอนกอด ผู้กำกับมีแนวทางที่ชัดเจน การกำกับมีความแม่นยำสูงมาก ดูจบแล้วรู้สึกอยากโทรศัพท์ไปคุยกับคนที่เรารักเลยทีเดียว



5.ปู่โสม
B-

เป็นตอนที่ผมเห็นว่ามีความใกล้เคียงกับวนิดา ทั้งเนื้อเรื่องและมุมมอง อาจเพราะมาจากผู้กำกับคนเดียวกันก็เป็นได้ รวมทั้งตัวเรื่องยังเล่นกับแนวคิด ความเชื่อแบบไทยๆ ทำให้มีความใกล้ชิดกับคนดูค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่ชอบคือ ฉากหลอกผีที่มาแบบ non-stop ที่ทำได้ถึงใจจริงๆ ส่วนตัวชอบการแสดงของนักแสดงนำด้วย โดยเฉพาะ ฟรัง นรีกุล แม้การแสดงในบางช่วงบางตอนอาจไม่ชัด แต่โดยรวมแล้วน่าจดจำ  ไม่ต่างจากตอนที่รับบท ออย ในฮอร์โมน ซีซั่นสอง


6. สวยสยอง

C

ที่ต้องขอชื่นชมคือฝั่งนักแสดง มาร์ช จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล กับการแสดงที่ดูเข้าถึงบทบาททำให้การดูตอน สวยสยอง นี้ ไม่ตะกุกตะกัก แต่วิสัยทัศน์การนำเสนอของผู้กำกับยังดูไม่เฉียบคมพอ แม้หนังจะใส่ใจในรายละเอียดต่างๆที่พยายามบอกใบ้ให้กับคนดู แต่พอถึงจุดที่หนังเฉลยปม ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึก ลึก มากขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเพราะหนังตอนนี้พยายามใส่ความเป็น ฮอร์โมน ลงมามากเกิน จนทำให้พาร์ทสยองขวัญมันดูผิดที่ผิดทาง ราวกับสองส่วนไม่บรรจบกันจนแนบสนิทได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ อาจเพราะตัวหนังก็ไม่ได้พยายามจะทะเยอทะยาน ทำให้ตอนนี้อยู่กึ่งกลาง มาตรฐานค่อนข้างพอดูได้