ผมเคยดูหนังของผู้กำกับไม่สิศิลปิน Terrence Malick มาเพียงเรื่องเดียวก่อนหน้าคือ The Tree of Life และผมตกหลุมรักมันมาก ขอบอกตามตรงตลอดเวลากว่าสองชั่วโมงที่ดูนั้นผมไม่รู้สึกถึงความเบื่อเลย มันดึงผมเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการของศิลปินผู้นี้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่เข้าใจหมดทุกอย่างที่หนังนำเสนอแต่โดยรวมแล้วมันคือความชอบอย่างมากมาย To The Wonder สำหรับผมจึงมีสถานะเป็นหนังที่ต้องดูและได้รับการคาดหวังแต่ความคาดหวังก็ค่อยๆลดลงตามวันเวลาร่วมด้วยบทวิจารณ์ที่ก้ำกึ่ง แต่ถึงกระนั้นผมเองก็ยังอดไม่ดี่จะหยิบมาดูในวันที่หัวสมองโล่งๆ เพราะตระหนักดีว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดูหนังของศิลปินรายนี้ในวันที่เหน็ดเหนื่อยใจ
ผมไม่ขอพูดถึงเนื้อเรื่องเพราะเอาเข้าจริงๆหนังแทบไม่มีเส้นเรื่องหลักเลย ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆผมว่ามันก็คล้ายๆกับหนังเรื่อง Revolutionnary Road อยู่กลายๆแต่ใน To the Wonder นั้นนำเสนอเรื่องได้แปลกแต่เป็นความแปลกที่มีรสนิยมมากๆ ทั้งมุมกล้อง การจัดภาพ พฤติกรรมของตัวละคร มันดูบิดเบี้ยวๆ แต่ดูดี ใครที่เคยดู The Tree of Life มาแล้วคงพอเดาได้ และผมชอบมันมากๆเลยนะ นอกจากเรื่องราวของสองคู่รักแล้วหนังยังเล่าเรื่องราวของบาทหลวงที่หมดศรัทธาในคริสต์ศาสนา ควบคู่กันไป ที่น่าสังเกตคือ ถ้อยคำที่ตัวละครพูดนั้นส่วนใหญ่จะมาจากฝ่ายหญิง ซะมากกว่า ในด้านของนักแสดงนั้นแม้จะไม่มีอะไรให้ปล่อยของมากนักแต่การปรากฏตัวแต่ละฉากแต่ละซีนนั้นมีเสน่ห์น่าจดจำมากๆ ส่วนตัวแล้วชอบ Ben Affleck มากๆ ตัวละคร Neil ที่ Ben รับบทมีสภาพเป็นเหมือนชายหนุ่มที่หญิงสาวหลายคนปองปรารถนาคือดูเป็นคนดีมากๆ ในขณะที่นางเอกของเรื่อง Olga Kurylenko ก็ดูมีปมในใจ ดูเศร้าสร้อยๆ บาทหลวงที่กล่าวไปก็ไม่ใช่ใครอื่นหากแต่คือ Javier Bardem นักแสดงเจ้าบทบาทอีกคนของฮอลลีวู้ดคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจาก No Courntry For Old Man และเมื่อไม่นานนี้ใน Skyfall ทั้งนี้ยังมี Rachel McAdams ในบทคนรักเก่าของ Neil แม้เธอจะมีบทไม่มากนักแต่ก็นับว่ามีความสำคัญ ที่แน่ๆจะได้เห็นเธอแบบเต็มๆในปลายปีนี้กับหนังรักเรื่อง About Time โดยตัวพ่อหนังรักอย่าง Richard Curtis ซึ่งมีเครดิตหนังเยี่ยมๆมากมายทั้งเขียนบทใน Notting Hill หรือผลงานกำกับในหนังรักหลากคู่ Love Actually ที่ทำให้ช่วงเวลาปลายปีอบอวลไปด้วยไออุ่นรัก
กลับมาที่ To The Wonder ด้วยความที่เป็นหนังบทกวี ฉะนั้นอย่าได้คาดหวังความบันเทิงใดๆจากตัวหนังเลย กระทั่งการตีความของแต่ละคนก็อาจไม่เหมือนกัน หนังทั้งเรื่องจึงเหมือนมีคนมาอ่านบทกวีให้คุณฟังแต่กระนั้นมันมาทั้งภาพและเสียง ภาพที่สวยจับใจราวภาพวาด มันดูงดงามมากจริงๆ โดยเฉพาะบรรยากาศย่านชานเมืองมันเหมือนกับว่าเราจะสัมผัสกับกลิ่นไอของดิน ท้องฟ้า สายน้ำได้เลยทีเดียว จนอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้า Terrence Malick ได้ไปทำสารคดีมันจะเป็นยังไง เสียงประกอบที่ฟังดูแล้วมันให้ความรู้สึกเข้าถึงดินแดนพระเจ้ายังไงยังงั้น แต่เมื่อคุณได้ดูแล้วก้าวชีวิตของคุณจะช้าลง หันมามองคนข้างๆ คนที่คุณรัก คนที่รักคุณ ในวันที่มีความรักอยู่เรามักจะมองไม่เห็นความสำคัญของมัน อย่าถึงกับผูกมัดมันไว้ แต่เป็นการเอาใจใส่ดูแล เผื่อว่ามันหนึ่งมันบินหนีหายไปอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมานึกเสียใจภายหลังว่า ตอนนั้น เราน่าจะรักกันให้มากๆกว่านี้
To the Wonder คือหนังรักอย่างแท้จริง
แปะลิงค์สำหรับเรื่องย่อของหนังซึ่งจะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น http://movie.kapook.com/view58226.html