วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

To the Wonder:แล้ววันหนึ่งรักก็บินจากไป


 To the Wonder:แล้ววันหนึ่งรักก็บินจากไป



ผมเคยดูหนังของผู้กำกับไม่สิศิลปิน Terrence Malick มาเพียงเรื่องเดียวก่อนหน้าคือ The Tree of Life และผมตกหลุมรักมันมาก ขอบอกตามตรงตลอดเวลากว่าสองชั่วโมงที่ดูนั้นผมไม่รู้สึกถึงความเบื่อเลย มันดึงผมเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการของศิลปินผู้นี้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่เข้าใจหมดทุกอย่างที่หนังนำเสนอแต่โดยรวมแล้วมันคือความชอบอย่างมากมาย To The Wonder สำหรับผมจึงมีสถานะเป็นหนังที่ต้องดูและได้รับการคาดหวังแต่ความคาดหวังก็ค่อยๆลดลงตามวันเวลาร่วมด้วยบทวิจารณ์ที่ก้ำกึ่ง แต่ถึงกระนั้นผมเองก็ยังอดไม่ดี่จะหยิบมาดูในวันที่หัวสมองโล่งๆ เพราะตระหนักดีว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดูหนังของศิลปินรายนี้ในวันที่เหน็ดเหนื่อยใจ


ผมไม่ขอพูดถึงเนื้อเรื่องเพราะเอาเข้าจริงๆหนังแทบไม่มีเส้นเรื่องหลักเลย ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆผมว่ามันก็คล้ายๆกับหนังเรื่อง Revolutionnary Road อยู่กลายๆแต่ใน To the Wonder นั้นนำเสนอเรื่องได้แปลกแต่เป็นความแปลกที่มีรสนิยมมากๆ ทั้งมุมกล้อง การจัดภาพ พฤติกรรมของตัวละคร มันดูบิดเบี้ยวๆ แต่ดูดี ใครที่เคยดู The Tree of Life มาแล้วคงพอเดาได้ และผมชอบมันมากๆเลยนะ นอกจากเรื่องราวของสองคู่รักแล้วหนังยังเล่าเรื่องราวของบาทหลวงที่หมดศรัทธาในคริสต์ศาสนา ควบคู่กันไป ที่น่าสังเกตคือ ถ้อยคำที่ตัวละครพูดนั้นส่วนใหญ่จะมาจากฝ่ายหญิง ซะมากกว่า ในด้านของนักแสดงนั้นแม้จะไม่มีอะไรให้ปล่อยของมากนักแต่การปรากฏตัวแต่ละฉากแต่ละซีนนั้นมีเสน่ห์น่าจดจำมากๆ ส่วนตัวแล้วชอบ Ben Affleck มากๆ ตัวละคร Neil ที่ Ben รับบทมีสภาพเป็นเหมือนชายหนุ่มที่หญิงสาวหลายคนปองปรารถนาคือดูเป็นคนดีมากๆ ในขณะที่นางเอกของเรื่อง Olga Kurylenko ก็ดูมีปมในใจ ดูเศร้าสร้อยๆ บาทหลวงที่กล่าวไปก็ไม่ใช่ใครอื่นหากแต่คือ Javier Bardem นักแสดงเจ้าบทบาทอีกคนของฮอลลีวู้ดคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจาก No Courntry For Old Man และเมื่อไม่นานนี้ใน Skyfall ทั้งนี้ยังมี Rachel McAdams ในบทคนรักเก่าของ Neil แม้เธอจะมีบทไม่มากนักแต่ก็นับว่ามีความสำคัญ ที่แน่ๆจะได้เห็นเธอแบบเต็มๆในปลายปีนี้กับหนังรักเรื่อง About Time  โดยตัวพ่อหนังรักอย่าง Richard Curtis ซึ่งมีเครดิตหนังเยี่ยมๆมากมายทั้งเขียนบทใน Notting Hill หรือผลงานกำกับในหนังรักหลากคู่ Love Actually ที่ทำให้ช่วงเวลาปลายปีอบอวลไปด้วยไออุ่นรัก


กลับมาที่ To The Wonder ด้วยความที่เป็นหนังบทกวี ฉะนั้นอย่าได้คาดหวังความบันเทิงใดๆจากตัวหนังเลย กระทั่งการตีความของแต่ละคนก็อาจไม่เหมือนกัน หนังทั้งเรื่องจึงเหมือนมีคนมาอ่านบทกวีให้คุณฟังแต่กระนั้นมันมาทั้งภาพและเสียง ภาพที่สวยจับใจราวภาพวาด มันดูงดงามมากจริงๆ โดยเฉพาะบรรยากาศย่านชานเมืองมันเหมือนกับว่าเราจะสัมผัสกับกลิ่นไอของดิน ท้องฟ้า สายน้ำได้เลยทีเดียว จนอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้า Terrence Malick ได้ไปทำสารคดีมันจะเป็นยังไง เสียงประกอบที่ฟังดูแล้วมันให้ความรู้สึกเข้าถึงดินแดนพระเจ้ายังไงยังงั้น แต่เมื่อคุณได้ดูแล้วก้าวชีวิตของคุณจะช้าลง หันมามองคนข้างๆ คนที่คุณรัก คนที่รักคุณ  ในวันที่มีความรักอยู่เรามักจะมองไม่เห็นความสำคัญของมัน อย่าถึงกับผูกมัดมันไว้ แต่เป็นการเอาใจใส่ดูแล เผื่อว่ามันหนึ่งมันบินหนีหายไปอย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมานึกเสียใจภายหลังว่า ตอนนั้น เราน่าจะรักกันให้มากๆกว่านี้
  

To the Wonder คือหนังรักอย่างแท้จริง

แปะลิงค์สำหรับเรื่องย่อของหนังซึ่งจะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น http://movie.kapook.com/view58226.html






วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Album 2nd >Infinite Playlist > แนะนำเพลงเพราะๆจากหนังที่คุณรัก

Album 2nd >Infinite Playlist > แนะนำเพลงเพราะๆจากหนังที่คุณรัก



เพลงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ไปตั้งแต่ตอนไหน ไม่มีใครรู้ แต่มันได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เวลาเครียดๆฟังเพลงเบาๆ ปริมาณความสุขก็ค่อยเพิ่มขึ้น ปล่อยใจไปกับท่วงทำนอง ยิ่งเป็นช่วงบ่ายๆวันอาทิตย์ นี่มีความสุขสุดๆ บนเตียงนอน หนังสือหนึ่งเล่ม เปิดเพลงกล่อมคลอไปด้วย นี่ล่ะชีวิตที่ผ่อนคลาย แม้ความเป็นจริงโอกาสที่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้นเป็นไปได้น้อยมาก แค่เสียบหูฟังเข้าไป เสียงเพลงดังขึ้นมาเท่านั้นก็พอใจแล้ว ยิ่งคนที่ชอบฟังเพลงจากหนัง แค่ดนตรีลอยมาเรื่องราวในหนังก็ตามมาด้วย  ครั้งนี้ผมนำบทเพลงจากหนังดังมาให้คุณเลือกฟังครับ

1.Foy Vance - Be The Song - Ost.Warm Bodies




Warm Bodies หนังดูแล้วเพลินมาก กับโทนหนังตลกแบบร้ายๆในมุมมองด้านบวกดูแล้วหัวใจพองโต อีกทั้งเพลงก็เพราะทุกเพลงเลยครับ  แต่ผมขอเลือกเพลง Be The Song นี้มา ดนตรีของเพลงนี้มันออกแนวบลูๆๆ  ฟังช่วงที่เครียดๆท้อๆ นี่เหมือนมีคนรักอยู่ด้วยใกล้ เพียงท่อนแรกขึ้นมาผมก็ลอยออกไปไกลแล้ว  When nightmares come,keep you awake,baby close your eyes, I'll take the weight,if I go to speak,I will refrain and be the song,
just be the song.


2.Can't Help Falling In Love - Ingrid Michaelson -Ost.Like Crazy




เพลงรักเจ็บๆจากภาพยนตร์รักที่ได้ใจนักวิจารณ์ Like Crazy กับเรื่องราวความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว ที่มีระยะทางเป็นเครื่องพิสูจน์รักแท้ ใครที่ชอบหนังเรื่องนี้ก็จะรักเพลงนี้ ส่วนใครที่ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกชอบแนะนำให้หา Like Crazy มาดู อ่อ! c]h;อย่าลืมเตรียมกระดาษซับน้ำตาไว้ข้างๆด้วยล่ะ


3.The Greatest - Cat Power Ost.My Blueberry Nights



ต้องบอกว่าผมเป็นแฟนหนังของ หว่อง คาไหว และหนังทุกเรื่องของหว่อง คาไหวนั้น จะเต็มไปด้วยบทเพลงที่เพราะจับใจ เช่นเพลงนี้มันเข้ากับหนังมากๆ ยิ่งได้ดูหนังด้วยแล้วคุณจะเคลิ้มไปด้วยอย่างแน่นอน และเพลงนี้จะค่อยๆซึมลึกลงไปในใจคุณ มันเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ผมมักจะฟังก่อนนอน ทิ้งตัวปล่อยใจไปกับค่ำคืนที่อบอวลไปด้วยความเหงา


4.Help Yourself - Sad Brad Smith Ost.Up In The Air



ผมดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกไม่ได้ชอบมากเท่าไหร่แต่พอดูครั้งที่สองเท่านั้นแหละมันกลายเป็นหนึ่งหนังในดวงใจไปเลยไม่รู้นะว่ามีใครชอบหนังเรื่องนี้มากเท่าๆกันกับผมบ้าง มันเป็นหนังที่ลึกมากเลยนะ ในความคิดผม ยิ่งเพลง Help Yourself  ดังขึ้นมาในฉากงานแต่งงานของน้องสาวพระเอกในเรื่ออย่าง Ryan Bingham ซึ่งรับบทโดยนักแสดงมากเสน่ห์อย่าง George Clooney เท่านั้นแหละ น้ำตารื้นขึ้นมาเลย อาจเป็นเพราะในการดูรอบสองนี้เรารู้อยู่แล้วว่าท้ายสุดพระเอกจะเจอกับชะตากรรมไหน ความเหงา ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว



5.Gary Jules - Mad World Ost.Donnie Darko



โลกนี้มันบ้า และหนังสยองขวัญเรื่องนี้ คือหนังที่ผมดูแล้วอินมากๆ เรื่องราวที่ทับซ้อนกันว่าด้วยจินตนาการของเด็กชายคนหนึ่ง พ่วงด้วยกระต่ายบ้า การทับซ้อนของมิติแห่งกาลเวลา ความรักที่แตกหักของวัยรุ่น ภาพยนตร์มองโลกแง่ร้าย ที่จบลงด้วยความเงียบงัน เพลงนี้ล่ะคือเรื่องย่อของมัน ฟังแล้วรู้สึกว่างเปล่า รู้สึกว่างเปล่าจริงๆนะ บางทีคุณที่กำลังสับสนกับชีวิตหนังเรื่องนี้อาจมีคำตอบให้แต่อาจไม่ใช่คำตอบในแบบที่คุณต้องการ


6.Ho Hey - The Lumineers Ost.Silver Linings Playbook



หนังรักดีๆ เรื่องนี้สร้างความประทับใจให้ใครหลายคน และกลายเป็นอีกหนึ่งหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง กับเรื่องราวในช่วงที่ตกอยู่ในพายุร้ายก่อนที่คนเพี้ยนสองคนจะมาพบกัน เยียวยาบาดแผลในใจซึ่งกันและกัน หากพิจารณาจากทีมงาน ผู้สร้าง นักแสดงแล้วก็ไม่มีอะไรให้สงสัย ตัวอย่างหนังใช้เพลง Ho Hey - The Lumineers และมันดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี ถึงหนังจะไม่ได้ออสการ์ไปครองแต่ได้ใจผมไปเต็มๆ


7.Holding Out For A Hero - Ella Mae Bowen Ost.Footloose

แม้เรื่องราวในหนังจะดูเฉยไปบ้าง แต่กับผม ผมคิดว่าหนังมันก็ดูเพลินดีนะ มีสาระมากกว่าหนังแนวเต้นๆที่ออกมายาวเฟื้อยเป็นแฟรนไชส์ซะอีก  เท่านั้นยังไม่พอหนังยังอัดแน่นไปด้วยบทเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกดี ลองฟังเพลงนี้ครับนิยามตัวหนังได้ดีเลย แม้มันจะออกแนวเศร้าไปนิด


8.Come On Eileen - Dexys Midnight Runners Ost.The Perks of Being A Wallflower


นี่คือหนังคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว ซึ่งไม่สมควรพลาดด้วยประการทั้งปวง หนังบอกเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นออกมาได้อย่างสนุกสนานในขณะที่ฉากดราม่าก็ทำเอาน้ำตาร่วง อัลบั้มรวมเพลงของหนังเรื่องนี้ก็เต็มได้วยเพลงเพราะๆ แต่ผมขอเลือกเพลงนี้มาล่ะกัน เพลงที่เลือกมาอยู่ในฉากงานปาร์ตี้ ก่อนที่พระเอกของเรื่องจะออกมาแดนซ์ ฟังแล้วขยับเท้าไปตามจังหวะ ฟังแล้วมีความสุข


9.Is Your Love Strong Enough? - How To Destroy Angels Ost.The Girl With The Dragon Tattoo



หนังรีเมคใครว่าต้องแย่ หนังเรื่องนี้คมคายทั้งในแง่การนำเสนอและเนื้อเรื่อง 
ยิ่งได้วิสัยทัศน์ของผู้กำกับอย่าง เดวิด ฟินเชอร์ด้วยแล้ว ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นยอดหนังคุณภาพคับจอ
นักแสดงก็เต็มที่กับบท เพลงที่ผมเรียกมาก็ฟังแล้วเจ็บได้ใจ ด้วยดนตรีที่ฟังแปลกหู 
เสียงร้องที่ให้อารมณ์บาดลึก แอบน้ำตาซึมเบาๆ


10.When We Collide - Matt Cardle Ost.The Descendants


เพลง When We Collide ถูกใช้ในหนังตัวอย่างเรื่องThe Descendants และนั่นทำให้ผมรีบหาว่า ชื่อเพลงอะไร
หนังดี เพลงเพราะ อยากให้ทุกคนลองฟัง และใครที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ลองหามาดูครับ 
หนังง่ายๆว่าด้วยชีวิต แต่คุณจะเห็นว่าผู้กำกับนั้นทำหนังเรื่องนี้ด้วยความตั้งใจ ด้วยความคิดที่ตกตะกอน 
หนังดีควรค่าแก่การดู เพลงเพราะควรค่าแก่การฟัง



Album 1st >Infinite Playlist > แนะนำเพลงเพราะๆจากหนังที่คุณรัก

Album 1st >Infinite Playlist > แนะนำเพลงเพราะๆจากหนังที่คุณรัก 


#aiyie- siamzone

เวลาเหงาๆ แค่เปิดฟังเพลง ก็เหมือนมีเพื่อนมาอยู่ข้างๆ คอนเซปจากหนังเรื่อง SuckSeed ที่โดนใจวัยรุ่นไปทั่วบ้าน ทั่วเมือง พร้่อมกับว้ารางวัลต่างๆอีกมากมาย คงพอบอกได้ว่า เสียงเพลงนั้น อยู่คู่กับมนุษย์เรามาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะกับวัยรุ่นแล้ว แทบจะเป็นของคู่กัน ผมเองก็เป็นอีกคนที่หลงรักเสียงเพลง แต่ไม่ชอบเล่นดนตรี เคยเข้าวงดุริงยางค์อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะเนรเทศตัวเองออกมา เมื่อได้รู้ว่าพระเจ้าสร้างเรามาเพื่อที่จะเป็นผู้ฟัง ผมชอบเสียงเพลงพอๆกับที่ชอบดูหนัง ไม่สิ รักเลยล่ะ หนังดีๆมักจะมาพร้อมกับSondtrack เพราะๆ Score เจ๋งๆ ผมมีความรู้สึกอยากแชร์เพลงที่ผมชอบฟังครับ 

1.Flightless Bird, American Mouth - Iron & Wine ost.twilight
เพลงเพราะๆประกอบภาพยนตร์รักต่างสายพันธุ์ ที่ในปีนี้ก็ดำเนินมาถึงบทสรุปแล้ว ผมเคยพยายามแปลเพลงนี้พร้อมๆกับการอ่านบทแปลของคนอื่น ปรากฏว่ามันแตกต่างกัน บางคนก็คิดไปในเชิงโรแมนติก บางคนก็บแอกเกี่ยวกับการเมืองอเมริกา บ้างก็ว่าเป็นชีวิตของศิลปิน Iron & Wine เอง ผมเลยสรุปเอาเองว่าเพลงมันติสต์ เชิญใช้จินตนาการ ความรู้สึกและประสบการณ์ความรักของคุณ แปลให้หัวใจคุณฟังตามสบายเลยครับ
*เพลงมีสองเว่อร์ชั่นคือออริจินัล และ ฉบับ wedding version ไม่ว่าจะฟังจากฉบับไหน ก็เพราะจับใจ


2.When You Say Nothing At All (Ost. Notting Hill) - Ronan Keating
เพลงคลาสสิค เพราะหนังเองก็คลาสสิค กับเพลง When You Say Nothing At All จากภาพยนตร์รักบานฉ่ำ(ปัจจุบันหนังของป้าจูเลีย เลยต้องแปลไทย ฉ่ำๆ เสมอ) ในบางทีคำพูดก็ไม่อาจสำคัญเท่าการกระทำ เพียงหลับตาลงแล้วใช้หัวใจคุณฟัง(หูด้วย) You say it best.. when you say nothing at all


3.Barry Manilow - Can't Smile Without You Ost.Hellboy 2
เพลงคลาสสิค ประกอบหนังฮีโร่พันธุ์นรก นอกจากหนังจะมาพร้อมจินตนาการอันสุดโต่งของสุดยอดผู้กำกับฝีมือดี Guillermo del Toro สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างลงตัว แต่ส่วนที่ผมชอบที่สุดคือโมเมนต์ที่พูดถึงความรักของคนแปลกๆ(แปลกจริงๆ)ที่มาเจอกัน และรักกัน จนเป็นรักแท้ เธอก็รู้หากขากเธอไป รอยยิ้มของฉันคงหายไปด้วย ^O^



4.The Graduate - Simon & Garfunkel - Sound of Silence
ความรู้สึกที่คล้ายว่าเราอยู่คนเดียวบนโลก ความว้าวุ่นที่สับสน ภาพยนตร์ต้นตำรับหนังรักอย่าง The Graduate ได้ให้นิยามความหมายของคำว่ารักไว้ ซึ่งในปัจจุบันหนังรักจำนวนหนึ่งได้อ้างอิงถึงหนังดีเรื่องนี้ ที่ผมพอผ่านตามาบ้างก็ (500)Days of Summer,It's Complicated และ Young Adult ต่างใช้หนังเรื่องนี้ในการสื่อสาร แต่นอกเหนือจากสอ่งดีๆมากมายที่ The Graduate มอบให้ มีสิ่งหนึ่งที่เมื่อคุณนึกถึงหนังเรื่องนี้เสียงเพลง Sound of Silence จะตามมาหลอกหลอนคุณทุกทีไป -0-


5.So Close - Jon McLaughlin  Ost.Enchanted
ความรู้สึกเมื่อได้เห็นใครคนนั้น หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้ว ยิ่งเร็วและแรงขึ้นอีกเมื่อได้ใกล้เค้า แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเราสองคนกลับไกลกันเหลือเกิน เพลงเพราะๆเพลงนี้ใช้ประกอบในภาพยนตร์รักแฟนตาซี เบาสมอง Enchanted ที่โกยคำชมจากนักวิจารณ์ไปอย่างท่วมท้น หนังดีเพลงเพราะที่ควรรับชม 



6.The Temper Trap - Sweet Disposition Ost.500 Days Of Summer
รัก ฝัน หัวเราะ จูบ ร้องไห้ ช่วงเวลาที่มีความรักอยู่ใกล้ๆ หลากอารมณ์ อะไรหลายๆอย่าง ผสมรวมตัวเข้าด้วยกัน เกิดเป็นช่วงเวลาที่เราไม่มีวันลืม  บทเพลง Sweet Disposition ใช้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี เพลงนี้ถูกใช้ประกอบในหนังรัก 500 Days Of Summer (และล่าสุดใน Ted น้องหมีสุดเกรียน)




7.The Sorcerer's Apprentice - "Secrets" by OneRepublic
ผมเริ่มฟังเพลงของศิลปินวง OneRepublic จากการไ้ด้ดูชม ภาพยนตร์พ่อมดฝึกหัดของดิสนีย์ เรื่อง The Sorcerer's Apprentice แม้หนังอาจไม่ถูกใจคนส่วนมาก(แต่ผมกลับชอบ) แต่เพลงนี้ซึ่งใช้ประกอบนั้นกลับแตกต่างออกไป  กระซิบความรักที่เป็นความลับของคุณ ให้เค้าคนนั้นฟังสิ ^O^



8.Celine Dion - My Heart Will Go On Ost.TITANIC
คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของเพลงที่คงความเป็นอมตะเช่นเดียวกับตัวหนังที่ยังติดตรึงในใจคอหนังทุกคน มาจนทุกวันนี้ มีท่วงทำนอง บทร้องอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมชอบมากเป็นพิเศษได้ยินทีไร จะรูสึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่อก กับท่อนที่ว่า "... You are safe in my heart and my heart will go on and on "


9.Paul Tiernan - How To Say Goodbye Ost.Nick and Norah's Infinite Playlist
Nick and Norah's Infinite Playlist หนังรักดีๆที่มาพร้อมบทเพลงแสนไพเราะมากมาย(แหม อ่านจากชื่อเรื่องก็พอรู้) ที่เป็นมากกว่าเพลงประกอบแต่กลับใช้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องเล่า ครั้งนี้ผมจึงยกเพลงนี้มาแนะนำก่อน ฟังตอนดึกๆ อารมณ์บลูๆ น้ำตาซึมเบาๆ 



10.Rule The World - Take That Ost.Stardust
เพลงประกอบภาพยนตร์ผจญภัย แฟนตาซี กับเรื่องราวที่มึความเป็นเทพนิยายสมัยเก่า+สมัยใหม่ได้อย่างลงตัวของผู้กำกับ Matthew Vaguh ที่ดูเหมือนจะจับงานอะไรก็ถูกใจคนดูและนักวิจารณ์ไปซะหมด เช่นกันกับบทเพลงที่ได้รับรางวัลOscar Winners Soundtrack Love Theme มั่นใจว่าใครได้ดูหนัง Stardust คงไม่ลืมเพลงนี้ ใครที่ได้ฟังเพลงนี้คงอยากดู Stardust แน่นอน 



แล้ววันหลัง จะมาแชร์เพลงอีกนะครับ  ขอบคุณคร้าบบบ ที่อ่านจนจบ ^O^